เมนู

4. สุนทรีเถรีคาถา


[470] พระสุนทรีเถรี ได้กล่าวอุทานคาถา แสดงข้อความตั้งแต่
บิดากล่าวเป็นต้นไปว่า
สุชาตพราหมณ์ถามพระวาสิฏฐีเถรีว่า
ข้าแต่ท่านแม่เจ้าวาสิฏฐี แต่ก่อน แม่เจ้ากินลูก ๆ
ที่ตาย ไปแล้ว แม่เจ้าต้องเดือดร้อนอย่างหนัก วันนี้
พราหมณีนั้นกินลูกหมดทั้งร้อยคน เพราะเหตุไร จึง
ไม่เดือดร้อนหนักหนาเล่า.

พระวาสิฏฐีเถรีตอบว่า
ดูก่อนท่านพราหมณ์ ลูกร้อยคนและหมู่ญาติ
ร้อยคน เรากับท่านก็กินกันมามากแล้ว ในอดีตภาค
เรานั้นรู้ธรรมที่ชาติและชราแล่นออกไปแล้วจึงไม่เศร้า
โศก ไม่ร้องไห้และไม่เดือดร้อนเลย.

สุชาตพราหมณ์ถามว่า
ข้าแต่แม่ท่านวาสิฏฐี น่าอัศจรรย์จริงหนอที่แม่-
เจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ ก็แม่เจ้ารู้ธรรมของใครเล่าจึง
กล่าววาจาเช่นนี้.

พระวาสิฏฐีเถรีตอบว่า
ดูก่อนท่านพราหมณ์ ในกรุงมิถิลา พระสัม-
พุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมโปรดหมู่สัตว์

เพื่อละทุกข์ทั้งปวง ดูก่อนท่านพราหมณ์ เราฟังธรรม
ที่ไม่มีกิเลสและทุกข์ของพระอรหันต์พระองค์นั้น รู้
แจ้ง สัทธรรมในพระธรรมเทศนานั้นแล้ว จึงบรรเทา
เศร้าโศกถึงลูกเสียได้.

สุชาตพราหมณ์กล่าวว่า
ถึงข้าพเจ้านั้น ก็จักไปกรุงมิถิลาเหมือนกัน ถ้า
กระไร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ก็คงจะทรง
ช่วยเปลื้องข้าพเจ้าเสียจากทุกข์ทั้งหมดได้.
พราหมณ์ได้พบพระพุทธเจ้า ผู้ทรงหลุดพ้นโดย
ประการทั้งปวง ทรงไม่มีกิเลสและทุกข์ พระมุนีผู้ถึง
ฝั่งแห่งทุกข์ ได้ทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ์นั้น
คือทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ อริยมรรค
มีองค์ 8 ที่ให้ถึงความระงับทุกข์ สุชาตพราหมณ์รู้
แจ้งสัทธรรมในพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ก็เข้าบวช 3
ราตรี ก็บรรลุวิชชา 3.

พระสุชาตภิกษุกล่าวกะสารถีคนขับรถว่า
มานีสารถี เธอจงกลับไป เรามอบรถคันนี้ให้ จง
บอกพราหมณีถึงความสบายไม่เจ็บป่วยว่า บัดนี้
พราหมณ์บวชแล้ว 3 ราตรี สุชาตพราหมณ์ก็บรรลุ
วิชชา 3.
ลำดับนั้น สารถีพารถและทรัพย์พันกหาปณะ
ไปมอบให้พราหมณี บอกพราหมณีถึงความสบายไม่
เจ็บป่วยว่า บัดนี้ พราหมณ์บวชแล้ว 3 ราตรี สุชาต-
พราหมณ์ก็บรรลุวิชชา 3.

พราหมณีกล่าวว่า
ดูก่อนสารถี ข้าฟังเรื่องพราหมณ์ได้วิชชา 3
แล้ว ก็ขอมอบรถม้าคันหนึ่งกับทรัพย์พันกหาปณะ
เป็นรางวัลตอบแทนที่ให้ข่าวน่ายินดี แก่เจ้า.

สารถีไม่ยอมรับกลับกล่าวว่า
ข้าแต่แม่พราหมณี รถม้ากับทรัพย์พันกหาปณะ
จงกลับเป็นของแม่ท่านตามเดิมเถิด แม้ตัวข้าพเจ้า ก็
จักบวชในสำนักพระพุทธเจ้า ผู้มีพระปัญญาอัน
ประเสริฐ.

พราหมณีกล่าวกะสุนทรีธิดาว่า
ดูก่อนสุนทรี บิดาของลูกละช้าง ม้า โค มณี
กุลฑล ความมั่งคั่ง และสมบัติคฤหัสถ์นี้ ออกบวชเสีย
แล้ว ลูกจงบริโภคโภคสมบัติ จงเป็นทายาทรับมรดก
ในตระกูลนะลูก.

สุนทรีธิดากล่าวกะพราหมณีมารดาว่า
แม่จ๋า บิดาของลูกถูกความเศร้าโศกถึงลูกชายรบ
กวนหนัก จึงละช้าง ม้า โค มณีและกุณฑล ความ
มั่งคั่ง และสมบัติคฤหัสถ์นี้ออกบวช ถึงลูกก็ถูกความ
เศร้าโศกถึงน้องชายรบกวนมาก จึงจักบวชด้วยจ้ะแม่.

พราหมณีมารดากล่าวอนุญาตว่า
ดูก่อนสุนทรี ความดำรินั้นของลูกจึ่งสำเร็จสม
ปรารถนาเถิด ลูกเมื่อสำเร็จกิจเหล่านี้คือ การยืนรับ
ก่อนข้าว การแสวงหาอาหารและการทรงผ้าบังสุกุล
จีวร จงเป็นผู้ไม่มีอาสวะในปรโลกเถิด.

เมื่อบวชบำเพ็ญเพียรบรรลุพระอรหัตแล้ว พระสุนทรีเถรี จึงขอ
อนุญาตพระอุปัชฌายะว่า
ข้าแต่แม่เจ้า ข้าพเจ้าเมื่อเป็นสิกขมานา ก็ชำระ
ทิพยจักษุได้แล้ว ข้าพเจ้าระลึกรู้ขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่
แต่ก่อนได้แล้ว.
ข้าแต่พระเถรีผู้มีกัลยาณธรรม ผู้งามเอง และผู้
ทำหมู่ให้งาม ข้าพเจ้าบรรลุวิชชา 3 แล้ว คำสอน
ของพระพุทธเจ้าก็ทำเสร็จแล้ว.
ข้าแต่แม่เจ้า โปรดอนุญาตเถิดเจ้าค่ะ ข้าพเจ้า
ประสงค์จะไปกรุงสาวัตถี จักบรรลือสีหนาทในสำนัก
ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด.

พระสุนทรีเถรีได้รับอนุญาตแล้ว ก็เข้าไปพระเชตวันวิหาร พบพระ-
ศาสดาประทับนั่งอยู่ จึงกล่าวคาถาเป็นอุทานว่า
ดูก่อนสุนทรี เจ้าจงพิศดูพระศาสดาผู้มีพระฉวี-
วรรณปานทอง ผู้ทรงฝึกพวกที่ใคร ๆ ฝึกไม่ได้ ผู้
ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ.
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอได้โปรดจงดู
สุนทรีผู้กำลังเดินมา ผู้หลุดพ้นโดยประการทั้งปวง
ผู้ไม่มีกิเลสและทุกข์ ปราศจากราคะ ไม่หอบทุกข์ไว้
ทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ
ข้าแต่พระผู้ทรงมีเพียรยิ่งใหญ่ สุนทรีออกจาก
กรุงพาราณสีมาเฝ้าพระองค์ เป็นสาวิกาของพระองค์
ขอถวายบังคมพระยุคลบาท พระเจ้าข้า.
ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นพราหมณ์ พระองค์เป็น
พระพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระศาสดา ข้าพระองค์

เป็นธิดาของพระองค์ เป็นโอรสเกิดแต่พระโอษฐ์
ทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนลูกสุนทรี เจ้ามาดีแล้ว มาไม่เลวเลย ด้วย
ว่าผู้ฝึกอย่างนี้แล้ว ปราศจากราคะ ไม่หอบทุกข์ไว้
ทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ ย่อมมาไหว้เท้าศาสดา
ของตน.

จบ สุนทรีเถรีคาถา

4. อรรถกถาสุนทรีเถรีคาถา


คาถาว่า เปตานิ โภติ ปุตฺตานิ เป็นต้น เป็นคาถาของ พระ-
สุนทรีเถรี.

พระเถรีแม้รูปนี้ ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์
ก่อนๆ สร้างสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้นๆ 31 กัปนับ
แต่กัปนี้ไป ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า เวสสภู ก็บังเกิดในเรือนคนมี
สกุล รู้เดียงสาแล้ว วันหนึ่งเห็นพระศาสดากำลังเสด็จบิณฑบาตมีใจเลื่อมใส
แล้ว ถวายภิกษา [คืออาหาร] แล้วถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์. พระ-
ศาสดาทรงทราบถึงความมีจิตเลื่อมใส ทรงทำอนุโมทนาแล้วก็เสด็จไป. เพราะ
บุญนั้น นางบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่จนตลอดอายุในสวรรค์ชั้นนั้น
เสวยทิพยสมบัติจุติจากสวรรค์ชั้นนั้นแล้ว ก็เที่ยวไปเที่ยวมาอยู่ในสุคติเท่านั้น
มีญาณแก่กล้า ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็บังเกิดเป็นธิดาของพราหมณ์ชื่อ สุชาตะ